1. แผ่นเหล็กพืด (Steel Sheet Pile) เป็นแผ่นเหล็กลอนรูปตัวยู ซึ่งมีความยาวตามกำหนดใช้ตอกในแนวดิ่ง สำหรับป้องกันแรงดันน้ำ และแรงดันดิน ที่กระทำตามความลึกของการขุด ซึ่งในการตอกนั้นแต่ละแผ่นจะตอกโดยวิธีเข้าเขี้ยว (Interlocking)โดยใช้แบคโอไวโบร (Backhoe Vibro)ในการตอกชีทไพล์ลงไปในดิน ซึ่งBackhoe Vibro นี้ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพราะประหยัดเวลาในการประกอบและติดตั้ง ซึ่งมีผลดีทั้งโครงสร้างชั่วคราวและโครงสร้างถาวรทั่วไป สาเหตุที่ใช้ชีทไพล์ (Sheet Piles) เป็นเพราะความแข็งแรงของมันเอง และเซ็คชั่น โมดูลัส (Section Modulus) ซึ่งเหมาะสมกับงานป้องกันดินพัง
2. เบรสซิ่ง (Bracing) เป็นระบบค้ำยันซึ่งประกอบไปด้วย เหล็กค้ำยันรอบ (Wale) เป็นส่วนของโครงสร้างที่ต้านแรงกระทำทางด้านข้างจากแผ่นเหล็กพืด (Sheet Pile) ซึ่งจะถ่ายแรงเป็นแรงกระจาย (uniform horizontal force) เข้าสู่เหล็กค้ำยันรอบ (Wale) และ เหล็กค้ำยัน (Strut) เป็นส่วนโครงสร้างที่รับแรงแนวแกนที่ถ่ายจากเหล็กค้ำยันรอบ (Wale) และรับแรงแนวดิ่งที่ถ่ายจากแผ่นเหล็กพื้น (Platform) ซึ่งนำมาวางบนเหล็กค้ำยัน (Strut)
3. - แผ่นเหล็กพื้นและระบบสะพาน ซึ่งแผ่นเหล็กพื้น (Platform) เป็นโครงสร้างที่ประกอบด้วยตงเหล็กและแผ่นเหล็กที่นำมาเชื่อมติดกันทำ หน้าที่เหมือนพื้นวางอยู่บนเหล็กค้ำยัน (Strut) เพื่อใช้ประโยชน์ในการขุดดินการขนส่งวัสดุ และอื่นๆ ฯลฯ
4. เสาเหล็กหลัก (Kingpost) เป็นส่วนที่รับแรงจากเหล็กค้ำยัน (Strut) ในแนวดิ่งแล้วถ่ายลงสู่ดินทำหน้าที่เหมือนเสาในอาคารขนาดใหญ่ ยังสามารถใช้เป็นฐานรากในการรับปั้นจั่นเสาสูง (Tower Crane) ในการลำเลียงวัสดุและสิ่งต่างๆ ได้อีกด้วย หมายเหตุ แผ่นเหล็กพื้น (Platform) เป็นโครงสร้างที่ประกอบด้วยตงเหล็กและแผ่นเหล็กที่นำมาเชื่อมติดกันทำหน้าที่เหมือนพื้นวางอยู่บนเหล็กค้ำยัน (Strut) เพื่อใช้ประโยชน์ในการขุดดินการขนส่งวัสดุ และอื่นๆ ฯลฯ
5. งานขุดดิน หลังจากที่ติดตั้งระบบค้ำยั้นและสะพานเสร็จแล้ว ในการก่อสร้างชั้นใต้ดินนั้นต้องมีการขุดดินออกจากบ่อหรือบริเวณที่จะขึ้นโครงสร้าง